ฟันแบบไหนควรจัดฟัน?

ฟันซ้อนเก (Dental Crowding)

ฟันซ้อนเก เกิดจากขากรรไกรมีที่ไม่เพียงพอต่อการเรียงตัวของฟัน เนื่องจากขากรรไกรเล็ก หรือขนาดซี่ฟันใหญ่เกินไป หรือมีฟันเกินกว่าปกติ ส่งผลให้ฟันต้องหาพื้นที่ในการขึ้น ทำให้มีการเรียงตัวไม่เป็นระเบียบ หากไม่ได้รับการแก้ไขอาจจะทำให้ไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างทั่วถึงจึงเป็นสาเหตุให้เกิดหินปูนขึ้นไวและฟันผุง่ายกว่าปกติ

ฟันห่าง (Spacing)

ฟันห่างเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งฟันมีขนาดเล็กกว่าปกติ ขากรรไกรใหญ่กว่าปกติ มีฟันหายไปตั้งแต่กำเนิดหรือถูกถอนฟันไปแล้วไม่ได้ใส่ฟันทดแทน ทำให้ฟันล้มเอียงเข้าหาช่องว่าง เกิดเป็นช่องฟันห่างขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการออกเสียง การพูด การทานอาหาร และการทำความสะอาด

ฟันสบลึก (Deep bite)

ฟันสบลึก คือลักษณะที่ฟันหน้าบนคร่อมปิดฟันหน้าล่างมากกว่าปกติ ยิ้มแล้วแทบไม่เห็นฟันหน้าล่างเลย การมีฟันฟันสบลึกอาจก่อให้เกิดปัญหา เช่นการเกิดการบาดเจ็บที่เหงือกบริเวณเพดานที่ฟันล่างสบกระแทก อีกทั้งทำให้ฟันล่างสึกและสั้นลงเ หรือปวดฟันได้

ฟันสบเปิด (Open bite)

ฟันสบเปิด คือลักษณะที่เมื่อกัดฟันแล้วมีช่องว่างเปิดระหว่างฟันบนกับฟันล่างไม่ว่าจะเป็นด้านหน้า หรือด้านข้าง มักเกิดมากจากนิสัยดูดนิ้วมือ หรือลิ้นดันฟันเวลกลืนอาการ ส่งผลต่อสวยงาม การออกเสียง และการกัดอาหารจะทำได้ยาก หรือทำไม่ได้เลย

ฟันกัดเบี้ยว (Misplaced midline)

จุดศูนย์กลางของฟันบนไม่ตรงกับฟันล่าง ส่งผลต่อความสวยงาม และการบดเคี้ยวอาหารที่ทำได้ไม่เต็มประสิทธิภาพมากพอ ขากรรไกรอาจจะเคลื่อนที่ไม่สัมพันธ์กัน อาจทำให้เกิดปัญหาต่อข้อต่อขากรรไกรตามมา

ฟันสบคร่อม (Crossbite)

ฟันสบคร่อมคือ ลักษณะผิดปกติของการสบฟัน โดยขฟันล่างสบคร่อมฟันบน สามารถเกิดได้เฉพาะซี่ หรือทั้งขากรรไกร อาจเกิดมาจากขากรรไกรเจริญผิดปกติ หรือพันธุกรรม ส่งผลต่อการบดเคี้ยว ความสวยงาม ความมั่นใจและบุคลิกภาพ

ฟันยื่น (Protrusion)

ฟันบนยื่นออกมาข้างหน้ามากจนเกินไป มักเกิดจากปัญหาการเรียงตัวของฟัน หรือกระดูกขากรรไกรบนเจริญมากเกินไป หรือขากรรไกรล่างเจริญน้อยกว่าปกติ หรือเกิดร่วมกันทั้งหมด การที่มีฟันหน้ายื่นออกมามากเกินไปทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ ฟันหัก ฟันหลุด และอาจจะทำให้การบดเคี้ยวอาหารทำได้ลำบาก ส่งผลต่อการใช้ชีวิตและบุคลิกภาพ

ฟันหน้ากัดชนกัน (Edge to edge bite)

ฟันหน้ากัดชนกันเป็นลักษณะสบฟันที่ไม่ปกติ ฟันหน้าบน-ล่างกัดกันในตำแหน่งปลายฟัน ทำให้เสี่ยงต่อฟันสึก ปวดฟัน และฟันแตกร้าวได้

Similar Posts

  • รากฟันเทียม มีขั้นตอนยังไงบ้างนะ

    รากฟันเทียม หรือรากเทียม เป็นการรักษาเพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่ถูกถอนไป  โดยใช้วัสดุรูปร่างคล้ายสกรูที่ทำจากไทเทเนียม ฝังลงไปในกระดูกเบ้าฟันแล้วต่อกับครอบฟัน สะพานฟัน หรือยึดกับฟันปลอมถอดได้  ระยะเวลาในการรักษาขึ้นอยู่กับปริมาณกระดูกและเนื้อเยื่อของแต่ละคน โดยเฉลี่ยใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน มีขั้นตอนหลักๆอะไรบ้าง? คลินิกทันตกรรม House of Fun มีทีมอาจารย์ทันตแพทย์ที่มีประสบการณ์พร้อมดูแลเรื่องรากฟันเทียมตั้งแต่เริ่มเตรียมช่องปาก ผ่าตัด จนถึงใส่ฟัน ท่านจึงมั่นใจและวางใจได้ว่าจะได้รับการดูแลอย่างดีที่สุดจากเรา

  • รักษารากฟัน ไม่ใช่ รากฟันเทียม

    รักษารากฟัน ไม่ใช่ รากฟันเทียม  แล้วต่างกันยังไงล่ะ มีหลายคนยังสับสนว่ารากฟันเทียมคือการรักษารากฟัน ทั้งที่จริง ๆ แล้วมันคือการรักษาคนละอย่างที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงเลย วันนี้ House of Fun จะมาสรุปความแตกต่างระหว่างรากฟันเทียมและการรักษาฟัน พร้อมแนะนำสิ่งที่ต้องนึกถึงหากจำเป็นต้องทำรากฟันเทียมมาให้ทุกคนได้ทราบ มารู้จักการรักษารากฟัน รักษารากฟัน คือ ฟันธรรมชาติ หรือฟันซี่เดิมของคนไข้เอง แต่ฟันซี่นั้นมีการร้าว แตก หัก ผุ หรือติดเชื้อลงไปในโพรงประสาทฟัน ทำให้ต้องมีการกำจัดเชื้อโรคออกจากฟันโดยการล้าง ใส่ยา และอุดในรากฟัน จากนั้นก็จะทำการอุดหรือบูรณะส่วนตัวฟันให้ฟันกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม ซึ่งข้อดีก็คือเป็นฟันซี่เดิมของคนไข้เอง กระดูกไม่ยุบตัว ความรู้สึกตอนกัดฟันใกล้เคียงกับปกติ แต่ฟันเหล่านี้ก็ยังผุ แตกหัก หรืออาจจะมีการติดเชื้อซ้ำได้อีกถ้าไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอ มารู้จักรากฟันฟันเทียม รากฟันเทียม คือ เป็นการรักษาเพื่อทดแทนฟันธรรมชาติที่ถูกถอนไป  โดยใช้วัสดุรูปร่างคล้ายสกรูที่ทำจากโลหะไทเทเนียม ฝังลงไปในกระดูกเบ้าฟันแล้วต่อกับครอบฟัน สะพานฟัน หรือยึดกับฟันปลอมถอดได้ ใช้ทดแทนฟันที่หายไป ทำให้บดเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น ไม่ต้องถอดเข้าออกเหมือนฟันปลอมทั่วไป แต่ก็ยังคงต้องได้รับดูแลและทำความสะอาดเหมือนฟันปกติเพราะมีโอกาสที่จะเกิดการละลายของกระดูกรอบๆรากเทียมได้ โดยสรุป การทำรากฟันเทียมนั้นคนไข้จะต้องทำการถอนฟันออกไปก่อน และต้องใส่ฟันใหม่เพื่อทดแทน โดยการทำรากเทียมจะเป็นการทดแทนฟันที่หายไป ส่วนการรักษารากฟันคือคนไข้ยังมีรากฟันอยู่ ฟันยังใช้การต่อไปได้ เพียงแต่มีการบาดเจ็บเกิดขึ้นหรือมีการติดเชื้อเท่านั้นเองทำให้ต้องมารักษา

  • เครื่องขัดฟันพลังน้ำใช้แทนไหมขัดฟันได้มั้ยนะ

    เครื่องพ่นฟันพลังน้ำ (ไหมขัดฟันพลังน้ำ, Water flosser) กับไหมขัดฟัน ล้วนแต่มีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดคราบ หรือเศษอาหารขนาดใหญ่ที่ติดตามซอกฟันหรือขอบเหงือกได้ แต่หลักการทำงานของเครื่องมือทั้งสองอย่างนั้นจะแตกต่างกัน ไหมขัดฟันจะมีลักษณะเป็นเส้นยาวโดยใช้พันนิ้วแล้วขัดถูตามซอกฟัน ซึ่งมีประสิทธิภาพและเหมาะกับการใช้ทำความสะอาดซอกฟันที่ชิดกันแน่น หรือซอกเล็กๆตามขอบเหงือก ส่วนเครื่องพ่นฟันพลังน้ำนั้นจะใช้หลักการพ่นน้ำออกมาแล้วกระแทกคราบเศษอาหารให้หลุดออกจากซอกฟันและขอบเหงือก ซึ่งใช้งานง่ายและสะดวกต่อการใช้ทำความสะอาดฟันในกลุ่มคนที่จัดฟัน หรือทำสะพานฟัน หรือมีจุดที่ไหมขัดฟันธรรมดาเข้าทำความสะอาดได้ลำบาก โดยสรุปทั้งไหมขัดฟัน และเครื่องพ่นฟันพลังน้ำมีประสิทธิภาพในการทำความสะอาดฟันตามตำแหน่งซอกฟันและขอบเหงือก แต่ American Dental Association แนะนำให้ทำความสะอาดช่องปากด้วยไหมขัดฟันและแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์เป็นหลัก และใช้เครื่องพ่นฟันพลังน้ำเป็นตัวเสริมเพื่อให้ทำความสะอาดช่องปากได้อย่างหมดจด

  • 5 สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมก่อนจัดฟัน

    1. เตรียมใจ – เหตุผลในการจัดฟันของแต่ละคนต่างกัน ดังนั้นก่อนจัดฟันควรถามความต้องการของตัวเองก่อนว่า อยากจัดฟันเพราะอะไร เพื่อที่จะได้ให้ทันตแพทย์ช่วยตรวจ วิเคราะห์และแก้ไขปัญหาให้ได้อย่างตรงจุด 2. เตรียมเวลา – การจัดฟันเป็นงานที่ใช้เวลาในการรักษาค่อนข้างนาน โดยเฉลี่ยการจัดฟันจะต้องพบหมอจัดฟันประมาณ 20-30 ครั้ง ซึ่งขึ้นอยู่กับความยากง่ายของแต่ละเคส ซึ่งใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 ปี ต่อเนื่องกัน ดังนั้นหากต้องการจัดฟัน จะต้องลองดูเวลาของตัวเองก่อนว่าจะสามารถพบหมอจัดฟันได้ต่อเนื่องนานขนาดนั้นหรือไม่ 3. เตรียมช่องปาก – ก่อนเริ่มจัดฟัน สิ่งที่ต้องทำให้เรียบร้อยก่อนคือการเตรียมช่องปาก เพื่อให้เหงือกและฟันมีสภาพที่ดีและพร้อมต่อการเคลื่อนฟัน  โดยจะขึ้นอยู่กับสภาพช่องปากของแต่ละคน ในคนที่สุขภาพช่องปากและฟันดี ก็จะสามารถเริ่มต้นจัดฟันได้เลย โดยแทบไม่จำเป็นเตรียมช่องปากอะไรมากมาย แต่ในคนที่ไม่ได้ทำฟันเป็นประจำหรือมีปัญหา เช่นฟันผุ เหงือกบวม หรือมีฟันคุด ก็ควรที่ต้องเตรียมช่องปากให้เรียบร้อยก่อนเริ่มจัดฟัน ซึ่งทันตแพทย์จะตรวจและแจ้งให้ทราบได้ตั้งแต่วันแรกที่มาปรึกษาจัดฟัน 4. เตรียมปรับพฤติกรรม – เมื่อเริ่มจัดฟัน การใช้ชีวิตจะเปลี่ยนไป ในช่วงแรกจะต้องปรับตัวรับกับอาการไม่ชินกับเครื่องมือที่ติดอยู่บนฟัน การทานอาหารจะลำบากขึ้น การแปรงฟันและทำความสะอาดฟันยากขึ้นและต้องใช้เวลานานขึ้น อาจจะมีอาการปวดฟันในระดับที่ทนได้ ซึ่งจะเกิดชั่วคราวหลังจากเปลี่ยนเครื่องมือจัดฟันระยะหนึ่ง 5. เตรียมรับรอยยิ้มใหม่ – เมื่อจัดฟันเสร็จแล้ว ฟันจะมีการเรียงตัวดีขึ้น การบดเคี้ยวจะดีขึ้น และการดูแลความสะอาดจะทำได้สะดวกขึ้น…

  • ยิ้มเห็นเหงือกเยอะจะทำยังไงดี

    การยิ้มเห็นเหงือกเยอะ หรือ Gummy smile  ถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาของโรคเหงือก มีสาเหตุได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ฟันงอกออกจากเหงือกออกมาน้อย ทำให้ฟันดูสั้น พันธุกรรม กล้ามเนื้อริมฝีปากยกตัวมากเกินไป เนื้อเยื่อเหงือกหนามากเกินไปหรืออาจจะเป็นผลข้างเคียงจากยาบางชนิด การรักษาทำได้หลายรูปแบบขึ้นอยู่กับสาเหตุ หลักๆจะแก้ไขโดยการจัดฟัน ผ่าตัดขากรรไกร หรือง่ายที่สุดคือการตัดแต่งเหงือกเพื่อเพิ่มความยาวฟัน การตัดเหงือก เป็นการรักษาในหมวดทันตกรรมเพื่อความสวยงาม ที่จะช่วยเปลี่ยนรูปแบบของเหงือกที่มากเกินไปหรือภาวะเหงือกเยอะให้มีสภาพสวยงาม เข้ากับรูปหน้าและขนาดฟัน ส่วนมากมักจะทำร่วมกับการทำวีเนียร์ หรือ การจัดฟัน เพื่อให้แนวฟันมีความสวยงามและขนาดฟันได้รูปร่างที่สวยงาม การตัดเหงือก (Esthetic crown lengthening) คือ กระบวนการผ่าตัดเพื่อปรับแนวเหงือก ทันตแพทย์จะใช้เครื่องมือทางทันตกรรมตัดเนื้อเยื่อเหงือกส่วนเกินที่อยู่รอบๆ ฟันของคนไข้ให้ได้สัดส่วนที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน โดยเน้นให้มีความสวยงาม และ ปลอดภัย ให้กับคนไข้ เพื่อให้มีรอยยิ้มที่สวยที่สุด และใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ

  • บอกลาการพิมพ์ปากแบบเดิมด้วยเครื่องสแกนฟัน 3 มิติ

    เครื่องสแกนฟัน 3 มิติ เป็นนวัตกรรมการพิมพ์ปากแบบดิจิทัลที่ทำให้สามารถเห็นฟันและช่องปากได้อย่างชัดเจนทั้ง 3 มิติ ภาพที่ได้จากการสแกนฟันจะเป็นภาพสีที่คมชัด และนำไปใช้ทำงานได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการจัดฟัน รากฟันเทียม ครอบฟัน สะพานฟัน และการตรวจทั่วไป มีโปรแกรมพิเศษสำหรับจำลองภาพให้เห็นการเรียงตัวของฟันหลังการจัดฟันเสร็จ คนไข้สามารถเข้าใจแผนการรักษาเบื้องต้นได้ชัดเจนขึ้น  ข้อดีของการใช้เครื่องสแกนฟัน 3 มิติ