รากฟันเทียม

เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน

รากฟันเทียมคืออะไร

รากฟันเทียม คือ การรักษาเพื่อทดแทนฟันที่หายไปเนื่องจากฟันผุ โรคเหงือกหรืออุบัติเหตุ โดยใช้วัสดุที่มีรูปร่างคล้ายรากฟันฝังลงไปในกระดูกขากรรไกร ซึ่งรากฟันเทียมเป็นหนึ่งในวิธีการทดแทนฟันที่ดีที่สุด โดยรากเทียมจะผลิตขึ้นจากวัสดุโลหะไทเทเนียม หรือเซรามิกที่สามารถเข้ากับร่างกายมนุษย์ได้ดี จากนั้นทันตแพทย์จะเป็นผู้ออกแบบรูปร่างและสีของครอบฟันบนรากเทียมให้มีความใกล้เคียงกับสีของฟันธรรมชาติมากที่สุด การใส่ฟันรากเทียมมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และมอบประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวที่ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ ทำให้คนไข้สามารถรับประทานอาหารได้ปกติ ช่วยเรื่องการพูดออกเสียง และความสวยงามอีกด้วย

ประโยชน์อื่น ๆ ของการทำฟันรากเทียมคือช่วยลดการละลายของสันกระดูกตำแหน่งที่ฟันหายไป เนื่องจาก หลังจากเวลาผ่านไปกระดูกที่ทำหน้าที่รองรับรากฟันของซี่ที่ได้รับการถอนจะเกิดการละลาย ส่งผลให้เกิดการยุบตัวของกระดูกบริเวณดังกล่าว โดยเฉพาะจะกระทบบริเวณฟันหน้าด้านบน ส่งผลให้โครงหน้าเปลี่ยน มุมปากตก หน้ายุบ ดูมีอายุเกินวัย  แต่การทำฟันรากเทียมจะช่วยรักษากระดูกรองรับรากฟันไว้และช่วยคงไว้ซึ่งกระดูกส่วนนั้นให้คงอยู่สภาพเดิมและละลายได้ช้ากว่าทำ ทำให้คนไข้ยิ้มได้อย่างมั่นใจได้มากกว่า

ส่วนประกอบของรากฟันเทียม

  1. ส่วนที่ฝังลงไปในกระดูก (Implant body or fixture) ส่วนที่ฝังลงในกระดูก คือส่วนที่มีลักษณะคล้ายรากฟันและจะฝังจมลงไปในกระดูกขากรรไกร ช่วยในการยึดติดของกระดูกขากรรไกรเปรียบเสมือนส่วนรากฟัน
  2. ส่วนยึดต่อระหว่างส่วนที่ฝังลงไปในกระดูก (Implant abutment) คือส่วนยึดต่อกับส่วนฟันเทียม ทำจากวัสดุไททาเนียมหรือเซรามิค ทำหน้าที่เหมือนส่วนของตัวฟัน
  3. ส่วนฟันเทียม (Prosthetic component) คือส่วนของฟันเทียมที่ใช้ยึดกับส่วนที่สอง ด้วยกาวทางทันตกรรมหรือสกรู หรือเป็นฟันเทียมที่สามารถถอดออกได้

ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม

  1. ตรวจประเมินสภาพช่องปาก ทำการพิมพ์ฟัน เหงือก และ x-ray    เพื่อนำไปวางแผนการรักษา
  2. เตรียมช่องปากให้ไม่มีการอักเสบหรือติดเชื้อ โดยเน้นตำแหน่งที่จะทำการผ่าตัดจะต้องไม่มีเหงือกบวม หนอง หรืออักเสบติดเชื้อ
  3. ทำการฝังฟันรากเทียม ใช้เวลาการทำประมาณ 1-2 ชั่วโมง หลังจากนั้น 10-14 วันทันตแพทย์จะทำการนัดคนไข้เพื่อกลับมาติดตามอาการและเช็คแผล 
  4. รอให้รากเทียมยึดติดกับกระดูกขากรรไกรให้แน่น ประมาณ 2-3 เดือนหรือ 4-6 เดือนกรณีต้องมีการปลูกกระดูกร่วมด้วย จากนั้นจะทำการพิมพ์ฟันอีกครั้งเพื่อนำไปทำส่วนตัวฟันและครอบฟัน
  5. ใส่ครอบฟันบนรากเทียม และนัดติดตามอาการทุก 3-6 เดือน

ข้อดีของรากฟันเทียม

  1. สวยงามอย่างเป็นธรรมชาติและมีการใช้งานที่ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด
  2. ไม่จำเป็นต้องทำการกรอเพื่อแต่งฟันข้างเคียง 
  3. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบดเคี้ยว
  4. พูดออกเสียงได้อย่างเป็นธรรมชาติ
  5. ช่วยเสริมประสิทธิภาพการใส่ฟันเทียมแบบถอดให้แน่นกระชับและใส่สบายมากยิ่งขึ้น
  6. ป้องกันการสูญเสียฟันและกระดูกข้างเคียง
  7. มีความคงทนถาวร
  8. การดูแลสุขภาพช่องปากทำได้ไม่ต่างจากฟันธรรมชาติ

ข้อจำกัดของรากฟันเทียม

โดยทั่วไปผู้ที่สูญเสียฟันแท้ไปสามารถรักษาด้วยรากเทียมได้ แต่ไม่ยังแนะนำให้ทำในผู้ที่อายุยังไม่ถึง 20 ปีเนื่องจากกระดูกขากรรไกรยังเจริญเติบโตได้ไม่เต็มที่ และในกรณีที่คนไข้สามารถทำการรักษาได้หลังจากช่วงคลอดและให้นมบุตรแล้ว

ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น คนไข้โรคเบาหวานชนิดที่ไม่สามารถควบคุมได้ โรคมะเร็งที่รับการรักษาด้วยการฉายรังสีบริเวณใบหน้าและขากรรไกร คนไข้โรคปริทันต์อักเสบรุนแรง คนที่เป็นป่วยเป็นโรคลูคิเมีย ผู้ที่รับรักษาด้วยยากดภูมิคุ้มกัน ยารักษากระดูกพรุนบางตัว หรือผู้ที่สูบบุหรี่จัด อาจไม่สามารรถทำการรักษาได้ หรืออาจจำเป็นต้องได้รับการรักษาอื่นๆเพิ่มเติมก่อนทำการผ่าตัดฝังรากเทียม

Similar Posts

  • ทันตกรรมทั่วไป

    เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน ทันตกรรมทั่วไป ทันตกรรมทั่วไป คือ การดูแลรักษาสุขภาพฟันและช่องปากพื้นฐาน การให้คำปรึกษา การวินิจฉัยโรคเบื้องต้นต่าง ๆ รวมถึงการตรวจ รักษา ดูแลสุขภาพช่องปากประจำปี ครอบคลุมรักษาเบื้องต้นที่ไม่ซับซ้อน เช่น การอุดฟัน ถอนฟัน และทันตกรรมป้องกัน เช่น ขูดหินปูน เคลือบหลุมรองฟัน เคลือบฟลูออไรด์ เป็นต้น การตรวจวินิจฉัย และให้คำปรึกษาการตรวจวินิจฉัย และให้คำปรึกษา เป็นขั้นตอนเบื้องต้นในการตรวจเพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้แต่ละบุคคล ในขั้นตอนนี้อาจมีการถ่ายภาพรังสี พิมพ์ปาก ถ่ายภาพในช่องปาก แสกนช่องปากสามมิติ เพิ่มเติมเพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำมากขึ้น การดูแลสุขภาพเหงือก การดูแลสุขภาพเหงือก เป็นดูแลสุขภาพช่องปาก เหงือก และฟันโดยการกำจัดคราบแบคทีเรียและหินปูน โดยเครื่องมืออัลตราโซนิคกระเทาะหินปูนเพื่อให้หินปูนหลุดจากผิวฟัน รวมกับการขูดโดยใช้เครื่องมือแบบด้ามเก็บรายละเอียด จากนั้นทำการขัดผิวฟันให้เรียบด้วยผงขัดฟัน และอาจจะมีการเคลือบฟลูออไรด์เพื่อลดการเสียวฟันและป้องกันฟันผุเพิ่มเติม การขูดหินปูน ขัดฟัน จะช่วยลดคราบบนฟัน ลดกลิ่นปาก และป้องกันการเกิดโรคเหงือกอักเสบ เหงือกบวม และป้องกันการเกิดโรคปริทันต์อักเสบ อันเป็นสาเหตุให้ฟันโยก และสูญเสียฟัน การอุดฟัน การอุดฟัน คือ วิธีการบูรณะฟันที่มีการสูญเสียเนื้อฟันไป ด้วยสาเหตุต่าง ๆ เช่น…

  • จัดฟันแบบ Self Ligating System

    เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน การจัดฟันแบบ Self Ligating System คือะไร จัดฟันแบบ Self-Ligating System คือ เครื่องมือจัดฟันที่มีนวัตกรรมใหม่ ที่ไม่ต้องใช้ยางรัด แต่ใช้กลไกการบานพับขนาดเล็กที่ยึดกับลวดอย่างหลวมๆ  เครื่องมือแบร็คเก็ต (Bracket) หรือวัสดุยึดติดกับฟันมีหลายยี่ห้อ เช่น Damon™  Empower และ Clippy เครื่องมือจัดฟันแบบ Self-ligating จะความโดดเด่นอยู่ที่เครื่องมือทั้งระบบทำงานได้อย่างอิสระด้วยตัวเอง ไม่ต้องพึ่งยางมัดเข้ากับลวดเพื่อดึงฟัน ทำให้การเคลื่อนฟันใช้ความฝืดต่ำ ใช้เเรงดึงฟันที่น้อย ฟันเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น โดยที่ไม่เกิดความเจ็บปวดเมื่อปรับเครื่องมือจัดฟัน อีกทั้งเมื่อใช้ร่วมกับยางดึงฟันหรือหมุดจัดฟันจะสามารถเคลื่อนฟันได้มีประสิทธิภาพกว่าการจัดฟันแบบธรรมดา ความแตกต่างระหว่างจัดฟันแบบ Self-ligating กับการจัดฟันธรรมดา หลักการการจัดฟันธรรมดา จะใช้ยางรัดฟัน เป็นตัวยึดเเบร็คเก็ตเเละลวดจัดฟันเข้าด้วยกัน เพื่อดึงให้ฟันเคลื่อนตัว แต่ข้อเสียคือ แรงดึงของยางที่สูง เกิดความฝืดมาก ส่งผลให้คนไข้จะรู้สึกปวดฟัน 3 – 5 วันแรกในช่วงที่แรงดึงยางค่อนข้างสูง และจะลดลงอย่างรวดเร็วในวันต่อๆมา ทำให้คนไข้ต้องมาพบทันตแพทย์ทุกๆเดือนเพื่อเปลี่ยนยางเเละปรับเครื่องมือจัดฟัน ฟันจะเคลื่อนตัวได้ช้ากว่า เพราะเเรงดึงที่ไม่สม่ำเสมอ แรงดึงของยางรัดฟันจะลดลงเรื่อยๆ ทำให้ไม่สามารถรัดลวดให้อยู่กับแบร็คเก็ต(เหล็กจัดฟัน)ได้อย่างเต็มที่ในช่วงท้ายๆของเดือน อาจทำให้ลวดหลุดออกมาและเสียการควบคุมฟันไป แต่จัดฟันแบบ Self-ligating เนื่องจากที่เครื่องมือสามารถยึดลวดได้ด้วยตัวเอง…

  • ทันตกรรมเด็ก

    เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน ทันตกรรมสำหรับเด็ก (Pediatric Dentistry) เด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่ตัวเล็ก มีความแตกต่างกันในหลายๆด้าน ทั้งร่างกาย และความร่วมมือ ฟันเป็นอีกอวัยวะหนึ่งที่เด็กแตกต่างจากผู้ใหญ่อย่างมาก ฟันน้ำนมในเด็กนั้นมีซี่เล็กกว่าและลักษณะโครงสร้างอื่นๆที่ต่างจากฟันแท้ ทำให้จำเป็นต้องมี “ทันตกรรมสำหรับเด็ก” โดยเฉพาะขึ้น ทันตกรรมสำหรับเด็ก คือการรักษาสุขภาพช่องปากในเด็กตั้งแต่ฟันน้ำนมซี่แรกเริ่มขึ้นมาในช่องปาก ในช่วงอายุประมาณ 6 – 8 เดือน ไปจนถึงช่วงวัยรุ่นตอนกลางอายุประมาณ 15 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่ฟันแท้ขึ้นมาแทนฟันน้ำนมทั้งหมดแล้ว โดยจะเน้นไปที่การดูแลฟันน้ำนมเป็นหลัก ทั้งการแนะนำในการดูแลฟันน้ำนม การทำทันตกรรมเพื่อป้องกันฟันน้ำนมผุ และรักษาฟันผุ เพื่อให้ฟันน้ำนมคงอยู่ในช่องปากจนกว่าฟันแท้จะขึ้นมาทดแทน และดูแลฟันแท้ที่ขึ้นมาในช่องปากตั้งแต่อายุยังน้อยให้คงทนและแข็งแรงต่อไปจนกว่าเด็กจะสามารถดูแลสุขภาพฟันของตนเองได้ ทันตกรรมสำหรับเด็กแตกต่างกับทันตกรรมผู้ใหญ่อย่างไร ทันตกรรมสำหรับเด็กแตกต่างจากผู้ใหญ่ เนื่องจากฟันน้ำนมในเด็กกับฟันแท้ในผู้ใหญ่มีโครงสร้างที่แตกต่างกัน การทำฟันเด็กจะเน้นดูแลและป้องกันฟันผุเป็นหลัก เนื่องจากลักษณะของฟันน้ำนมนั้น ผุได้ง่ายกว่าฟันแท้ นอกจากนี้ เด็กยังเป็นวัยที่ไม่สามารถแยกความเจ็บปวด ออกจากความกลัวหรือความเครียดได้ เมื่อมีอาการปวดฟันหรือรู้สึกกดดันเมื่อทำฟันก็จะไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำฟันเด็กจึงต้องมีความเชี่ยวชาญในเรื่องจิตวิทยาการสื่อสารกับเด็กๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่แตกต่างกับทันตกรรมในผู้ใหญ่ค่อนข้างมาก ทันตกรรมสำหรับเด็กมีอะไรบ้าง? พาลูกไปหาหมอฟันที่ไหนดี เราดูแลฟันของเด็กๆ โดยทันตแพทย์เด็กผู้เชี่ยวชาญ ในสถานทันตกรรมที่สะอาด ปลอดภัย และได้มาตรฐานทางทันตกรรม คลินิกอยู่ริมถนน ใกล้กับห้างเซนทรัลพิษณุโลกเพียง 350 เมตร มีลานจอดรถกว้างขวาง เดินทางสะดวก

  • จัดฟันใส

    เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน Invisalign คืออะไร Invisalign หรือ การจัดฟันแบบใส คือ การใช้เครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้ที่มีความใส ลักษณะเป็นถาดสวมทับไปบนฟัน และค่อยๆเคลื่อนฟันไปทีละน้อยไปสู่ตำแหน่งที่ทันตแพทย์ออกแบบไว้ โดยเครื่องมือจะถูออกแบบและวางแผนการรักษาโดยใช้เทคโนโลยีการสร้างภาพสามมิติ และนำมาผลิตชุดเครื่องมือจัดฟันเฉพาะสำหรับแต่ละคนขึ้นมา โดยภาพโปรแกรมสามมิติจะแสดงภาพของการเคลื่อนที่ของฟันทีละขั้นตอน จากแรกเริ่มของการทำงานจนกระทั่งฟันเรียงตัวจนสวยงาม และเครื่องมือจัดฟันแบบใสนั้นจะทำงานตามขั้นตอนต่าง ๆ ดังภาพสามมิติที่แสดงไว้ โดยเครื่องมือจัดฟันแต่ละชุดจะมีการกำหนดตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อให้ฟันเคลื่อนที่ไปตามทิศทางนั้น ๆ คนไข้จะต้องใส่เครื่องมือตลอดเวลาตามที่ทันตแพทย์แนะนำ หลักการทำงานของการจัดฟันใส Invisalign ใช้เทคโนโลยีสแกนช่องปาก 3D เพื่อตรวจสอบสภาพฟัน และวางแผนการจัดฟันอย่างเป็นระบบโดยทันตแพทย์ จากนั้นแผนการรักษาแบบ 3D จะถูกส่งไปผลิตชุดอุปกรณ์จัดฟัน ที่มีลักษณะเป็นถาดสีใส ซึ่งออกแบบเฉพาะของคนไข้แต่ละคน ซึ่งหลักการจัดฟันแบบนี้นั้น คนไข้จะต้องใส่ชุดจัดฟัน Invisalign ตามระยะเวลาที่ทันตแพทย์กำหนด ร่วมกับการติดวัสดุบนผิวฟันที่เรียกว่า Attachment ที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำหน้าที่กำหนดการเคลื่อนที่ของฟัน เครื่องมือจะกดและขยับฟันไปยังตำแหน่งที่วางแผนไว้ โดยจะใส่ชิ้นงานประมาณ 7-14 วัน/คู่ และเปลี่ยนใส่เครื่องมือคู่ถัดไปเมื่อถึงเวลาที่กำหนด ข้อดีของการจัดฟัน Invisalign ข้อจำกัดของการจัดฟัน Invisalign การปฏิบัติตัวระหว่างจัดฟัน Invisalign

  • การรักษาฟันที่ประสบอุบัติเหตุ

    เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน ลักษณะของฟันที่เกิดจากการประสบอุบัติเหตุ ฟันที่เกิดจากการประสบอุบัติเหตุมักจะอยู่ในรูปแบบของ ฟันหัก ฟันบิ่นแตก (Broken tooth / Chipped tooth) สามารถพบได้กับทุกเพศทุกวัย มักเกิดจากการกระทบกระเทือนจากอุบัติเหตุ หรือพฤติกรรมอื่น ๆ ที่เสี่ยงกับการกระทบโครงสร้างของฟัน เช่น เคี้ยวของแข็งจนฟันแตก เป็นต้น ผลกระทบจากการได้ไม่รับการรักษา วิธีปฏิบัติตัวและปฐมพยาบาลเบื้องต้น

  • วีเนียร์

    เลือกหัวข้อที่ต้องการอ่าน วีเนียร์คืออะไร การทำวีเนียร์ (Dental Veneer) คือแผ่นวัสดุที่มีสีและรูปร่างใกล้เคียงกับเคลือบฟันธรรมชาติ และนำไปยึดติดกับผิวฟัน เพื่อแก้ไขความผิดปกติต่างๆ ของฟัน ทั้งรูปร่าง ขนาด หรือสีฟัน มีความแข็งแรง คงทน และสวยงาม วีเนียร์มีกี่ประเภท 1. เคลือบฟันเทียมที่ทำโดยตรงในช่องปาก (Direct Veneer)เป็นทำโดยตรงในช่องปาก กล่าวคือหลังจากกรอเตรียมผิวฟันแล้วทันตแพทย์จะเคลือบผิวฟันด้วยวัสดุสีเหมือนฟันซึ่งคล้ายกับการอุดฟัน มีข้อดีคือ สามารถทำเสร็จในครั้งเดียว และราคาถูกกว่า แต่มีข้อเสียในเรื่องความคงทน อายุการใช้งานที่น้อยกว่า ความสวยงาม และต้องอาศัยทักษะความชำนาญของทันตแพทย์ผู้ทำสูง 2. เคลือบฟันเทียมที่ทำนอกช่องปาก (Indirect Veneer)หลังจากกรอเตรียมผิวฟันแล้วทันตแพทย์จะพิมพ์ฟันเพื่อนำไปสร้างชิ้นงานโดยช่างทันตกรรมในห้องปฏิบัติการ วิธีนี้จะมีหลายขั้นตอน และต้องมาทำการรักษาหลายครั้ง โดยแผ่นวีเนียร์มักจะเป็นวัสดุชนิด Ceramic ซึ่งจะมีความสวยงาม และแข็งแรงใกล้เคียงฟันธรรมชาติ มีอายุการใช้งาน 10-20 ปี ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลรักษา วีเนียร์ช่วยแก้ไขฟันที่มีปัญหาแบบใดได้บ้าง วีเนียร์กับฟอกสีฟันต่างกันอย่างไร ฟอกสีฟัน เป็นการทำให้ฟันขาวขึ้นด้วยสารเคมีที่เข้าไปทำปฏิกิริยาในเนื้อฟันทำให้ฟันขาว สว่างขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไปฟันจะกลับมาเหลืองได้อีกตามการใช้งานและอาหารที่รับประทาน มีคราบสีติดได้ แต่วัสดุวีเนียร์จะไม่ดูดสี ความขาวจะคงทนกว่า และเกิดคราบสีบนผิวฟันได้ยากกว่า วีเนียร์กับครอบฟันต่างกันอย่างไร วีเนียร์ เหมาะที่จะนำมาแก้ไขความผิดปกติของฟัน…